เนื่องจากการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิด ส่งผลให้หวงเสี่ยว์จวินต้องให้ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่ แบกขึ้นหลังไปโรงเรียนมากว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ด้วยคะแนนสอบ 587 คะแนนในแผนวิทย์ ส่งผลได้เสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียงให้เข้ารายงานตัวเป็นนักศึกษา แม่ของเขากล่าวอย่างภาคภูมิว่าจะแบกลูกชายคนนี้ไปเรียนจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
ซีสุ่ยอิงผู้เป็นแม่แบกลูกชายคนเดียวไปเรียนมานานกว่า 13 ปี ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล จนกระทั่งจบมัธยมศึกษา และวันนี้ผลของความพยายาม หวงเสี่ยว์จวิน ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิกเจ้อเจียง
คำถามหนึ่งที่หลายคนอยากจะถามซีสุ่ยอิง คือ แรงผลักดันดันใดกันที่ทำให้แม่คนหนึ่งยินยอมพร้อมใจมาเป็นเท้าทั้งสองข้างของลูกชาย ซึ่งต้องเดินทางจากถนนเล็กๆ บนภูเขาซึ่งเฉอะแฉะไปด้วยโคลนตมจนกระทั่งขึ้นมาสู่ตึกใหญ่ในเมืองทีละชั้น ละชั้น เป็นอย่างนี้มากว่า 10 ปี ใบตอบรับจากทางมหาวิทยาลัย ที่แลกมาด้วยความมุ่งมั่นกว่า 13 ปีของแม่ลูกคู่นี้
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่คาดว่าคำตอบของคำถามนี้จะต้องเต็มไปด้วยความรักที่เปี่ยมล้นอย่างแน่นอน
ซีสุ่ยอิง ตรงหน้า คือหญิงชาวบ้านที่แต่งกายเรียบง่ายคนหนึ่ง เธอเป็นชาวเมืองฟู่หยัง ซึ่งคำตอบของคำถามข้างต้นก็ออกมาจากปากของเธออย่างเรียบง่ายทว่าหนักแน่นว่า “ฉันดูทีวียังไม่เข้าใจ อ่านหนังสือพิมพ์ยิ่งอ่านไม่ออก แต่ฉันไม่มีทางยอมให้ลูกชายพิการของฉันเป็นอย่างที่ฉันเป็น” เสี่ยว์จวิน พยายามฝึกหัดเดินขึ้นลงบันไดด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ ซีสุ่ยอิง ไม่เคยลืมโรงเรียนมัธยมที่สองแห่งเมืองฟู่หยัง ที่ให้ความช่วยเหลือเธอและลูก ด้วยการให้ห้องพักฟรีแก่สองแม่ลูกหนึ่งห้อง นอกจากนั้นยังรับซีสุ่ยอิงเข้าเป็นพนักงานทำความสะอาดของโรงเรียนอีกด้วย
กระนั้น ในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าของทุกๆ วันเรียน ซีสุ่ยอิงจะต้องแบกลูกชายจากห้องพักชั้น 3 ลงมาข้างล่าง และแบกขึ้นไปส่งยังชั้น 5 ของตึกเรียนอีกตึกหนึ่ง
“ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ยังไงฉันก็จะแบกเขาไปเรียนต่อไป” ซีสุ่ยอิง กล่าวอย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตามความแข็งขันดังกล่าวได้ลดทอนลงไปตามจำนวนเงินในกระเป๋าของสองแม่ลูกที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย
เมื่อเล่าถึงเส้นทางชีวิตอันแสนลำบากของลูกชายคนนี้ที่ต้องฝ่าฟัน ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
“ฉันจะแบกลูกชาย ไปจนกว่าเขาจะเรียนจบมหาวิทยาลัย” ซีสุ่ยอิง จบการสนทนาลงตรงคำกล่าวที่มุ่งมั่นนี้ ราวกับจะตอกย้ำกับตัวเองไปพร้อมกัน
ที่มา:เน็ตอีส
2 comments:
อ่านแล้วซึ้งมากๆเลยครับ เรื่องๆดีๆน่ายกย่อง
suneoka
เป็นแม่ที่สุดยอดมากเลยครับ ซึ้งสุดไปเลย เป็นกำลังให้นะครับ
Post a Comment